อยากเก่งภาษาอังกฤษ: มาเริ่มศึกษาด้วยตัวเองกันเถอะ

ใครๆ ก็สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ด้วยเคล็ดลับการเรียนรู้ที่แสน “ง่ายดาย” นี้

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเตียนหรือนางสาวเตียน เกียรกล้า ฉันอายุ 26 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นนักวางแผนการผลิตให้กับบริษัท Spica Elastic

ปัจจุบันฉันทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องสื่อสารกันโดยใช้ภาษาอังกฤษพร้อมรายได้ที่มั่นคงและค่อนข้างสูง

นึกย้อนกลับไปราวๆ 3-4 ปีที่แล้วตอนที่ชีวิตของฉันอยู่ในจุดที่ไร้ซึ่งหนทาง

เดี๋ยวฉันจะเล่าให้คุณฟังเองเรื่องราวของฉัน…

จุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก…

เมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้ว ฉันยังคงเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาทั่วไปที่เล่าเรียนในคณะบัญชีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ภาษาอังกฤษของฉันตอนนั้นเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ว่าได้

การได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษในชีวิตของฉัน ฉันจึงปรับเปลี่ยนและเรียนภาษาอังกฤษในวิธีต่างๆ มากมาย

ตั้งแต่การเข้าร่วมในชมรมภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยไปจนถึงการศึกษาที่ศูนย์ภาษาอังกฤษและทำตามด้วยวิธี “ยอดนิยม” ที่โลกของอินเตอร์เน็ตแนะนำในเวลานั้น (ฉันขอไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน) แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วอย่างไร้ซึ่งหนทาง…

ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันรู้สึกแย่มากทุกครั้งที่ฉันเรียน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ตรงไหน เรียนให้เหมาะสมอย่างไรและคอยถามตัวเองว่า “นี่มันมีประสิทธิภาพไหม?”

การไม่ได้ไปที่ศูนย์ภาษาอยู่บ่อยครั้ง เพราะบทเรียนใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงต่อวันและบางวันที่ฝนตกหนักก็ทำให้ฉัน “ขี้เกียจ” และบางครั้งการออกไปนั่ง “ดื่มกาแฟ” กับเพื่อนๆ ก็ทำให้ไปเข้าเรียนสาย… นี่ยังไม่รวมเวลาที่ฉันรู้สึกกดดันในเวลาเรียนด้วยนะ ต้องทำแบบทดสอบและความกดดันในการทำวิทยานิพนธ์อีก… ฉันต้องการความยืดหยุ่นมากกว่านี้… ดังนั้นฉันเลยเลิกเรียนที่ศูนย์ภาษา

จากนั้นก็กลับบ้านและเรียนรู้ด้วยตัวเอง “ดิ้นรน” หาสื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากมาย, “จดบันทึก” คำศัพท์ใหม่ที่ฉันเห็นและจดโน้ตทุกอย่างลงในสมุดเล่มหนา แต่เพียง 3 วันให้หลัง หัวของฉันก็ “ว่างเปล่า” และฉันลืมคำศัพท์ทุกที่ฉันจดไว้ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม

การตื่นจากความล้มเหลว

ในวันรับปริญญาของฉัน ฉันได้ถือ “ใบปริญญาแสนดี” ไว้ในมือ ฉันมีความสุขและก็ภูมิใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็หายไป ฉันตระหนักความจริงได้อย่างรวดเร็วว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์และแทบไม่ได้ภาษาอังกฤษเลยอย่างฉันสามารถหางานที่ได้เงินเดือนแค่ 10,000 – 12,000 บาทต่อเดือนเท่านั้นซึ่งไม่พอต่อการใช้จ่าย

มีช่วงหนึ่ง 4-5 เดือนที่ฉันได้รับเข้าทำงานในฐานะพนักงานในโรงงานซึ่งได้ค่าตอบแทนประมาณ 13,000 – 15,000 บาทต่อเดือน บางทีฉันคงหลับอยู่ใน “ความล้มเหลว” นั่นตลอดไปหากไม่มีวันนั้น…

ฉันได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานวางแผนของ Microsoft โดยบังเอิญ มันเป็นงานที่ใช่ที่ฉันต้องการ ด้วย “ความบ้า” ฉันเลยสมัครงานตำแหน่งนั้น 3 วันให้หลังฉันก็ถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์

ด้วยคำสั่งและความสามารถที่ฉันมี ฉันสามารถผ่านรอบแรกของการสัมภาษณ์ – แบบทดสอบ IQ ได้อย่างง่ายดาย

จนกระทั่งรอบที่สอง…

นี่เป็นความทรงจำที่ฉันจะไม่มีวันลืม…

รอบ 2 – การสัมภาณ์แบบตัวต่อตัว การสัมภาษณ์นั้นมีคณะกรรมที่เป็นทั้งคนไทยและคนต่างชาติ แต่ทุกคนพูดภาษาอังกฤษหมด ฉันพยายามจะฟังคำถามและเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขาพูดถึงคือซอฟต์แวร์ที่ฉันรู้จัก แต่ฉันไม่สามารถตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษได้

หลังจาก 15 นาทีแห่งความพยายามอธิบายความคิด แต่ก็ล้มเหลว ฉันยอมรับที่จะละทิ้งตำแหน่งนี้ให้กับผู้สมัครคนอื่นและเดินออกมา…

น่าเศร้า เสียใจ ผิดหวัง…

สิ่งที่น่าทึ่งก็มาถึง

ฉันเสียดายช่วงเวลาในมหาวิทยาลัยจริงๆ ทำไมฉันไม่ใช้เวลาตอนนั้นเรียนภาษาอังกฤษกันนะ? แค่ต้องพยายามกว่านี้อีกเล็กน้อย ฉันก็จะได้งานที่ฉันอยากได้แล้ว??

ความรู้สึกนั้นทำให้ฉันรู้สึกแย่มาตลอดในช่วงอีกครึ่งปีให้หลัง…

ชีวิตของฉันก็ได้ทำงานธรรมดาๆ พร้อมกับเงินเดือนเฉลี่ยกลางๆ…

จนกระทั่ง…

ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ฉันได้รู้จักกับวิธีการเรียนรู้ของ Eng Breaking จากเพื่อนของฉันที่แชร์บน Facebook ด้วยความอยากรู้ ฉันเลยคลิกเข้าไปดู จากนั้นก็อ่านเรื่องราวความสำเร็จของคนที่เคยเรียนมาก่อน…

ฉันรู้สึกราวกับว่ามีใครสักคนมาแนะนำ สร้างแรงบันดาลใจและความปรารถนาให้ฉันเอาชนะภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นมันก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า “เรียนซะ มีโอกาสเหลืออีกไม่มากแล้วนะ” ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจสั่งซื้อ

การเปลี่ยนแปลงชีวิต…

ฉันเรียน Eng Breakingมาเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ในระหว่างนั้นเองฉันก็คอยส่ง CV ไปให้กับบริษัทอื่นๆ อีกสองสามแห่งด้วยและไม่นานบริษัทอินเดียก็เรียกฉันเข้าไปสัมภาษณ์ แน่นอนว่าการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ

ครั้งนี้ฉันตัวสั่นเล็กน้อยและกังวล แถมยังกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แต่ปฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นกับฉัน…

ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี ไม่แย่เท่าไหร่นัก…

ฉันหูเพี้ยนไปหรือเปล่า? ฉันได้รับคำชมว่าพูดภาษาอังกฤษได้ดีงั้นเหรอ? ฉันแค่เรียน Eng Breaking 2 สัปดาห์เท่านั้นเองนะและก็ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษที่ศูนย์ภาษาอื่นๆ เลยด้วย

สุดยอด เยี่ยม น่าทึ่งมากๆ!

ชุดตำราเรียน Engbreaking ที่แสนน่าสนใจแบบครบเซ็ต

หลังจากการสัมภาษณ์รอบที่ 2 แน่นอนว่าฉันได้รับการตอบรับให้เข้าทำงานได้

ปัจจุบันฉันก็ยังคงทำงานกับบริษัทนี้และจะทำต่อไปในระยะยาวเพราะสวัสดิการพนักงานดีมากๆ

ฉันเรียนจบหลักสูตรฝึกฝนการสื่อสารภาษาอังกฤษกับ Eng Breaking ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและเห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านการฟัง การพูดและการโต้ตอบในภาษาอังกฤษของฉัน

ขอบคุณการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดี ฉันสามารถเข้ากับสภาพแวดล้อมปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว (ใช้ภาษาอังกฤษ 100%) ฉันรู้สึกว่าโชคดีมากๆ เลย

ภาษาอังกฤษเปลี่ยนชีวิตฉันให้ดีขึ้น ฉันต้องขอบคุณ Eng Breaking อย่างมาก ขอบคุณศูนย์ภาษาที่คอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจและย้ำเตือนฉันเสมอเมื่อฉันท้อแท้

ภาษาอังกฤษเปลี่ยนชีวิตฉันให้ดีขึ้น ฉันต้องขอบคุณ Eng Breaking อย่างมาก ขอบคุณศูนย์ภาษาที่คอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจและย้ำเตือนฉันเสมอเมื่อฉันท้อแท้ฉันรู้ว่าว่ามีคนรุ่นเยาว์มากมายที่เคยเป็นแบบฉัน ลองวิธีการเรียนมากมาย แต่สุดท้ายก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เหมือนเดิม

ฉันแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าการเก่งภาษาอังกฤษนั้นไม่สามารถทำได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน มันเป็นผลลัพธ์ของความเพียรพยายามและการทำงานอย่างหนัก ตราบใดที่คุณมีความพยายามและวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ฉันเชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จ

หวังว่าคนรุ่นเยาว์จะประสบความสำเร็จในวิธีการเอาชนะภาษาอังกฤษของพวกเขา

ปล. หากคุณกำลังสงสัยว่าจะเริ่มตรงไหนและเรียนยังไง ฉันขอแนะนำให้คุณลอง Eng Breaking  มันได้ผลจริงๆ นะ!

เรียนรู้เกี่ยวกับ Eng Breaking ตอนนี้ สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *